พลังงานหมุนเวียน: กุญแจสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง พลังงานหมุนเวียนกลายมาเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมต้องการมุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ท่ามกลางความกดดันจากภาวะโลกร้อนและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่เข้มงวดมากขึ้น ภาคธุรกิจทั่วโลกและในไทยกำลังปรับตัวเข้าสู่แนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) และโดยไทยได้กำหนดเป้าหมายสำคัญการบรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2065
เป้าหมายทั้ง 2 อย่างนี้ส่งผลทำให้ภาคอุตสาหกรรมทยอยเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดที่ทั้งให้ประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
พลังงานหมุนเวียน คืออะไร?
พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) คือ พลังงานที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไป เพราะสามารถผลิตขึ้นใหม่ได้อย่างต่อเนื่องโดยมีแหล่งพลังงานมาจากธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ ลม ความร้อนใต้พิภพ พลังน้ำ และกากหรือเศษจากวัสดุจากการเกษตร (เช่น แกลบ ฟางข้าว หรือชานอ้อย )
พลังงานหมุนเวียนส่วนใหญ่ เช่น แสงอาทิตย์และลมจัดอยู่ในกลุ่ม "พลังงานสะอาด" ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะระหว่างการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นทางเลือกที่ดีในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีจำกัด อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างของพลังงานหมุนเวียนที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบันมีตั้งแต่โซลาร์เซลล์สำหรับบ้านพักอาศัย ไปจนถึงฟาร์มกังหันลมและโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
พลังงานหมุนเวียน มีอะไรบ้าง?
พลังงานหมุนเวียนสามารถจำแนกออกเป็นหลายประเภทตามแหล่งกำเนิดของพลังงาน ซึ่งแต่ละประเภทมีศักยภาพและความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน
พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)
พลังงานจากแสงอาทิตย์สามารถนำมาแปลงเป็นไฟฟ้าผ่านโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ซึ่งสามารถใช้ได้ในทั้งระดับครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยแสงอาทิตย์ถือเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ และเป็นตัวช่วยลดค่าใช้จ่ายทางในระยะยาวให้กับธุรกิจได้ โดยโซลาร์เซลล์ในปัจจุบันมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น หลังคาโซลาร์ โซลาร์แบบทุ่นลอยน้ำ และโซลาร์ฟาร์มติดตั้งบนพื้น เป็นต้น
พลังงานลม (Wind Energy)
ลมสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยกังหันลม เมื่อกระแสลมปะทะทำให้ใบพัดเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้เกิดเป็นพลังงานกลที่นำใช้งานต่อได้ โดยปริมาณของไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับความเร็วของลม การติดตั้งกังหันจึงนิยมวางในพื้นที่ที่มีลมแรงและสม่ำเสมอ เช่น ที่ราบสูง หรือชายทะเล
พลังงานน้ำ (Hydro Energy)
น้ำสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในลักษณะเดียวกับพลังงานลม โดยการไหลของน้ำทำให้เกิดพลังงานกลที่นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ พลังงานที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำและอัตราการไหลของน้ำ โรงไฟฟ้าพลังงงานจึงต้องการพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ หรือเชื่อมต่อกับเขื่อนเพื่อให้การผลิตไฟฟ้าเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและอย่างมีประสิทธิภาพ
พลังงานชีวมวล (Biomass Energy)
ชีวมวล คือ วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ซังข้าวโพด ฟาง ขี้เลื่อย หรือเศษเหลือจากกระบวนการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยลดของเสียและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเชื้อเพลิงเหล่านี้สามารถผลิตพลังงานได้ด้วยการเผาไหม้โดยตรง (Direct combustion) เพื่อให้ได้พลังงานความร้อน หรือสามารถนำไปแปรสภาพเป็นก๊าซชีวภาพ (ฺBiogas) ก่อนนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าต่อ
อีกหนึ่งเทคโนโลยีในการผลิตพลังงานหมุนเวียนจากชีวมวล คือ ระบบไอน้ำ CFB (Circulating Fluidized Bed) ที่เผาไหม้ชีวมวลภายใต้การควบคุมอุณหภูมิและการไหลเวียนของอากาศ ทำให้เกิดเป็นการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และป้องกันการเกิดมลพิษได้
พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy)
พลังงานจากความร้อนใต้พิภพ คือ พลังงานที่ถูกเก็บอยู่ใต้ผิวโลกในรูปแบบของน้ำร้อนและไอน้ำ ซึ่งเกิดการน้ำฝนที่ไหลซึมผ่านตามแนวรอยแตกของเปลือกโลกและสะสมจนแหล่งน้ำบนชั้นหินที่มีความร้อน โดยเราสามารถเห็นแหล่งน้ำเหล่านี้ได้ในรูปแบบของบ่อน้ำพุร้อนหรือบ่อโคลนเดือด
การเปลี่ย นพลังงานความร้อนใต้พิภพให้เป็นกระแสไฟฟ้าทำได้โดยใช้ไอน้ำจากแหล่งน้ำร้อนใต้เปลือกโลกเพื่อหมุดใบพัดที่ต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยเทคโนโลยีที่ใช้ได้แก่
Dry Steam: ใช้ไอน้ำจากแหล่งน้ำร้อนโดยตรง
Flash Steam: สูบน้ำจากแหล่งน้ำร้อนด้วยแรงดันสูงเข้าสู่แทงก์ที่มีแรงดันปกติเพื่อทำให้เกิดไอน้ำ
Binary Cycle: ถ่ายความร้อนจากแหล่งน้ำร้อนไปยังของเหลวที่มีจุดเดือดต่ำและแยกไอน้ำ
เราสามารถสรุปได้ว่า แหล่งพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดภาระด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในยุคที่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ข้อดี-ข้อเสียของพลังงานหมุนเวียนในมุมมองภาคอุตสาหกรรม
การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนและนโยบาย Net Zero ที่องค์กรทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่แม้พลังงานหมุนเวียนจะมีข้อดีหลากหลาย ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้านด้วยเช่นกัน
ข้อดีของพลังงานหมุนเวียน
ลดต้นทุนในระยะยาว
ในระยะเริ่มต้น ระบบพลังงานหมุนเวียนย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งในด้านการติดตั้งและในด้านพื้นที่ แต่ในระยะยาวแล้ว การใช้พลังงานหมุนเวียนสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและเชื้อเพลิงไปได้มาก โดยเฉพาะกับโรงงานที่ต้องการพลังงานสูงและต่อเนื่อง
ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาพลังงานโลก
การพึ่งพาแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือชีวมวล จะช่วยลดผลกระทบจากราคาพลังงานนำเข้าที่ขึ้น ๆ ลง ๆ และยังทำให้ธุรกิจสามารบริหารและจัดการการใช้พลังงานในโรงงานของตัวเองได้ง่ายขึ้น
สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
หลายบริษัทข้ามชาติเริ่มกำหนดมาตรฐานด้านพลังงานสีเขียวใน Supply Chain การใช้พลังงานหมุนเวียนจึงอาจเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรักษาและขยายโอกาสทางธุรกิจ
เสริมภาพลักษณ์องค์กรด้าน ESG
การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรในด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้า นักลงทุน และตลาดต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียน
ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นสูง
การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์ หรือ ระบบ CFB อาจมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูง
ข้อจำกัดด้านพื้นที่และสถานที่ติดตั้ง
แหล่งพลังงานหมุนเวียนบางประเภทเช่น เช่น พลังงานลม หรือพลังงานน้ำต้องการพื้นที่ติดตั้งขนาดใหญ่เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าที่ประสิทธิภาพสูงสุด จึงอาจไม่เหมาะกับโรงงานในเขตเมืองหรือพื้นที่จำกัด
ปัญหาเรื่องความต่อเนื่อง
ปริมาณไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนบางประเภท เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและเวลา ทำให้ต้องมีแผนระบบสำรองเพื่อความเสถียรในการผลิต
ต้องการเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
การบริหารจัดการระบบพลังงานหมุนเวียนต้องอาศัยเทคโนโลยีและความรู้เฉพาะทางในการดำเนินงาน อีกทั้งยังการดูแลและอัพเกรดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียน
ภาคอุตสาหกรรมในไทยเริ่มหันมามีการใช้พลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคุมต้นทุนพลังงาน และตอบสนองต่อแนวทาง ESG และเป้าหมาย Net Zero โดยตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากพลังงานในภาคอุตสาหกรรม มีดังนี้
โรงงานขนาดใหญ่หลายเจ้าหันมาใช้หลังคาโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ในเวลากลางวัน ซึ่งช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วง Peak Load และลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากภาครัฐ
ธุรกิจสามารถขายไฟฟ้าคืนสู่ระบบ (Net Metering) ตามนโยบายภาครัฐได้
โรงงานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและอาหารสามารถวัสดุที่เหลือจากการผลิต เช่น แกลบ กากอ้อย หรือซังข้าวโพดเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อผลิตไอน้ำและไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการจัดการของเสีย
การใช้พลังงานหมุนเวียนยังช่วยให้ธุรกิจได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจาก BOI เช่น กิจการที่มีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (ยกเว้นขยะ) จะได้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี
พลังงานสะอาดไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นแนวทางสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่
พลังงานหมุนเวียนไม่เพียงเป็นคำตอบสำหรับปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจ ที่จะช่วยเสริมลดต้นทุน เพิ่มความยืดหยุ่น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งคู่ค้าและนักลงทุน การลงทุนในพลังงานสะอาดจึงไม่ใช่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นแนวทางที่ "จำเป็น" สำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ด้วย
สวนอุตสาหกรรม 304 ไม่เพียงแต่มีความพร้อมด้านพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังโดดเด่นในด้านระบบสาธารณูปโภคครบวงจร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นน้ำและไฟฟ้าที่มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงความสามารถในการจัดจำหน่ายพลังงานหมุนเวียนภายในพื้นที่ เพื่อรองรับแนวทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
สวนอุตสาหกรรม 304 พร้อมจำหน่ายพลังงานหมุนเวียนที่มีคุณภาพ ดังนี้
ไฟโซลาร์-ชีวมวลผสมผสาน กำลังการผลิตรวม 555 MW แบ่งเป็น:
ไฟฟ้าชีวมวล จากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผลิตจากเศษวัสดุทางการเกษตร ของเหลือจากอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ รวมถึง "ต้นพลังงาน" พร้อมใบรับรองไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจาก I-REC (Renewable Energy Certificate) กำลังการผลิต 398 MW
ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำอุตสาหกรรมภาคเอกชนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนอ่างเก็บน้ำภายในพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ มีกำลังการผลิต 157 MW
ไอน้ำสีเขียวจากโรงไฟฟ้าชีวมวล พร้อมส่งตรงไปยังพื้นที่พิเศษที่จัดเตรียมไว้เพื่อรองรับลูกค้าที่มีความต้องการใช้ไอน้ำในกระบวนการผลิตอย่างเฉพาะเจาะจง
ด้วยกลยุทธ์ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและแนวทางที่คำนึงลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centric) สวนอุตสาหกรรม 304 พร้อมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเติบโตไปกับผู้ประกอบการทุกรายอย่างยั่งยืน
Related Blogs
สวนอุตสาหกรรม 304
สร้างระบบนิเวศที่พร้อมสำหรับอนาคตสำหรับธุรกิจ ด้วยพลังงานสีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และการเชื่อมต่อระดับโลก
ติดต่อเรา