พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) วิถีสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) วิถีสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของพลังงานแสงอาทิตย์อย่างเต็มตัว โดยมีการคาดการณ์จาก ASEAN Energy Database System ว่าในปี 2024 กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะพุ่งขึ้นจาก 12.6 กิกะวัตต์ (GW) ในปี 2023 เป็น 35.8 กิกะวัตต์ (GW) เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แนวโน้มดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนถึงความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ภาคอุตสาหกรรมกำลังเร่งปรับแนวทางและกลยุทธ์ในการลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิดความยั่งยืน

พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) คืออะไร

พลังงานแสงอาทิตย์ คือ พลังงานที่ได้จากรังสีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน โดยลักษณะเด่นของพลังงานแสงอาทิตย์คือ เป็นพลังงานสะอาด (Clean Energy) ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ไม่มีผลิตของเสียระหว่างการผลิต ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นพลังงานที่นำมาใช้ได้จากธรรมชาติโดยตรง

คุณสมบัติข้อดีเหล่าจึงทำให้พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นทางเลือกพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเขตร้อนจัดอย่างประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่จะนำพาธุรกิจไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วย

แสงอาทิตย์ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างไร?

ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลักๆ อยู่ 2 วิธีในการแปลงแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานที่ใช้งานได้จริง:

  1. การผลิตพลังงานความร้อน (Solar Thermal)

    ใช้ระบบที่สะท้อนหรือดูดซับแสงแดด เช่น ท่อสุญญากาศ แผงรับความร้อน หรือเลนส์รวมแสงแดด เพื่อเก็บและให้นำความร้อนไปใช้ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ เช่น การสร้างไอน้ำ การอบแห้ง หรือการผลิตสารเคมี

  2. การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยแผงโซลาร์เซลล์ (Photovoltaic หรือ PV)

    แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ทำจากวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ (เช่น ซิลิคอน) ซึ่งสามารถดูดกลืนแสงอาทิตย์และแปลงเป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้ จากนั้นอินเวอร์เตอร์จะทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงให้เป็นกระแสสลับ (AC) เพื่อใช้งานกับเครื่องจักรและระบบไฟฟ้าทั่วไปในโรงงานหรืออาคารสำนักงาน

ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้โซลาร์เซลล์ได้ในหลายรูปแบบ โดยสาธารณูปโภคภายในสวนอุตสาหกรรม 304 นำเสนอบริการทั้งโซลาร์บนหลังคา โซลาร์ฟาร์มบนพื้น และมีจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจาก โซลาร์ฟาร์มบนทุ่นลอยน้ำของอ่างเก็บน้ำภานในสวนอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนและเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ทำไมผู้ประกอบการจึงหันมาสนใจพลังงานแสงอาทิตย์

ประโยชน์ของพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ได้จำกัดอยู่ในด้านสิ่งแวลดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยตอบโจทย์ธุรกิจในด้านต้นทุนและการเจริญเติบโตอีกด้วย

  • ลดต้นทุนระยะยาว: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงงานต้องการพลังงานจำนวนมาก

  • เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน: ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าดับหรือการขึ้นราคาค่าไฟจากระบบโครงข่ายหลัก

  • พร้อมใช้งาน: ปัจจุบัน แผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ประกอบมีราคาที่ลดลง ทำให้โครงการติดตั้งในโรงงานมีระยะเวลาคืนทุนที่รวดเร็วขึ้น

  • ดูแลรักษาง่าย: ระบบโซลาร์เซลล์มีอายุการใช้งานนานเฉลี่ยที่ 20-25 ปี ไม่มีส่วนเคลื่อนไหว และต้องการดูแลที่ไม่ซับซ้อน เช่น การล้างทำความสะอาดแผงและตรวจสอบอินเวอร์เตอร์เป็นระยะ ตัวโซลาร์เซลล์ยังมาพร้อมระบบมอนิเตอริ่งแบบออนไลน์ที่ติดตามประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างสะดวก

  • ช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน: พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทางเลือกที่สนับสนุนเป้าหมายด้านESG (Environmental, Social, and Governance) อย่างชัดเจน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยรายงานของ ESG Drive พบว่าบริษัทที่มีการปฏิบัติ ESG ที่แข็งแกร่งมีการเติบโตเร็วกว่า 10-20% มีมูลค่าที่สูงขึ้น และมีต้นทุนการดำเนินงานต่ำกว่า 5-10%

การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภาคอุตสาหกรรมจึงไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรในระยะยาว

ข้อจำกัดของพลังงานแสงอาทิตย์

ถึงแม้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะมีประโยชน์ในด้านความยั่งยืนและต้นทุนระยะยาว ในการใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม ก็ยังมีข้อจำกัดและเงื่อนไขที่ผู้ปรกอบการควรพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นกัน เช่น

  1. พลังงานขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและแสงแดด

    ประสิทธิภาพของพลังงานแสงอาทิตย์จะลดลงในวันที่มีเมฆมาก ฝนตก หรือในฤดูฝน ทำให้ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพตลอดทั้งปี โรงงานที่พึ่งพาโซลาร์เซลล์เพียงอย่างเดียวอาจต้องมีระบบสำรองจากไฟฟ้าหลัก

  2. การติดตั้งต้องใช้พื้นที่มาก

    การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในขนาดที่เพียงพอต่อการผลิตพลังงานในระดับอุตสาหกรรม จำเป็นต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก เช่น บนหลังคาโรงงาน หรือพื้นที่โล่ง ซึ่งบางโรงงานอาจไม่มีพื้นที่เพียงพอ

  3. มีต้นทุนเริ่มต้นสูง

    แม้ต้นทุนระยะยาวจะคุ้มค่า แต่ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ (รวมถึงอินเวอร์เตอร์ โครงสร้าง ระบบเก็บพลังงาน) ยังถือว่าสูงสำหรับบางธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ยังไม่สามารถลงทุนได้ทันที

  4. ต้องการระบบจัดเก็บพลังงาน

    หากไม่มีระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Storage) พลังงานที่ผลิตได้ในช่วงเวลากลางวันจะไม่สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบกักเก็บพลังงานยังมีราคาสูง และอาจต้องบำรุงรักษามากกว่าระบบผลิตพลังงาน

ในขณะที่ข้อดีพลังงานแสงอาทิตย์ในด้านธุรกิจและด้านสิ่งแวดล้อมนั้นจะเป็นจุดแข็งที่ชัดเจน แต่การพิจารณาข้อจำกัดอย่างรอบด้านก็มีความสำคัญ เพื่อให้การลงทุนในระบบพลังงานแสงอาทิตย์เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนในระยะยาว

การใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคอุตสาหกรรม

เราสามารถสรุปได้ว่า พลังงานแสงอาทิตย์ไม่ใช่ตัวเลือกแห่งอนาคตแต่เป็นกุญแจที่จะนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรม โดยผู้ประกอบการและนักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างจริงจัง ไม่เพียงเพราะประโยชน์ของมัน แต่ยังสอดคล้องกับแนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว (Green Energy Transition) ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia หรือ SEA)

จากรายงานของ Infolink Group พบว่า ภาคอุตสาหกรรมใน SEA เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ได้เร่งลงทุนในระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในรูปแบบของโซลาร์เซลล์บนหลังคา และโซลาร์เซลล์ลอยน้ำเพื่อลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากฟอสซิล และส่งเสริมนโยบายด้านความยั่งยืน (Sustainability) อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ เช่น โครงการ DPPA (Direct Power Purchase Agreement) ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่สามารถซื้อพลังงานหมุนเวียนโดยตรงจากผู้ผลิต ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวกและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม

  1. การผลิตกระแสไฟฟ้า

    ภาคอุตสาหกรรมใช้แผงโซลาร์เซลล์เพื่อแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยระบบนี้สามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องจักร สายการผลิต และระบบต่างๆ ภายในโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง

  2. การผลิตพลังงานความร้อน

    โรงงานที่ต้องใช้พลังงานความร้อนอย่าง อุตสาหกรรมอาหาร หรือเคมีภัณฑ์ สามารถนำแสงอาทิตย์มาใช้ในการอุ่นน้ำหรือลมร้อนผ่านแผงรับความร้อน เพื่อลดการใช้ก๊าซหรือไฟฟ้าในการทำความร้อน

  3. ระบบไฮบริดร่วมกับแบตเตอรี่หรือไฟจากโครงข่ายหลัก

    โรงงานขนาดใหญ่บางแห่งใช้ระบบไฮบริดที่ผสานพลังงานแสงอาทิตย์กับระบบกักเก็บพลังงาน หรือใช้ร่วมกับไฟฟ้าหลักจากการไฟฟ้า เพื่อให้มีความเสถียรและต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงแดด

พลังงานแสงอาทิตย์: ทางเลือกสู่อนาคตที่สดใส

ราสามารถสรุปได้ว่า พลังงานแสงอาทิตย์เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ ที่ช่วยเสริมศักยภาพการผลิต ลดความเสี่ยงด้านพลังงาน และสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกในด้านความยั่งยืน ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในอนาคต โดยสวนอุตสาหกรรม 304 พร้อมสนับสนุนธุรกิจด้วยบริการจำหน่ายพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสาน โดยมีทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้จากระบบโซลาร์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar Farm), โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล, และไอน้ำพลังงานสีเขียว

ระบบโซลาร์บนทุ่นลอยน้ำ ตั้งบนอ่างเก็บน้ำในสวนอุตสาหกรรม 304 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,200 ไร่ มีกำลังการผลิตรวมมากถึง 157 เมกะวัตต์ (MW) และสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้สูงสุดถึง 100%

นอกจากนี้ยังมีบริการติดตั้ง:

  • โซลาร์บนหลังคา

  • โซลาร์ฟาร์มบนพื้นดิน

  • โซลาร์ฟาร์มบนทุ่นลอยน้ำ

ดำเนินการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าและพลังงานที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานสากล ISO9001:2015 และ ISO 50001:2018 พร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อความต่อเนื่องของธุรกิจของคุณ

สวนอุตสาหกรรม 304 ไม่เพียงแต่มีความพร้อมด้านพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคครบวงจรที่ครบครัน แต่ยังพร้อมเติบโตไปกับธุรกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมด้วย

Related Blogs

สวนอุตสาหกรรม 304

สร้างระบบนิเวศที่พร้อมสำหรับอนาคตสำหรับธุรกิจ ด้วยพลังงานสีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และการเชื่อมต่อระดับโลก

ติดต่อเรา
Contact background